วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อาหารพื้นบ้านของจังหวัดพะเยา

ของกิ๋นเมืองพะเยา

น้ำปู๋ เครื่องชูรสเมืองเหนือ


ของกิ๋นบ้านเฮา

หลังจากเสร็จสินการเพาะปลูกรอข้าวออกรวงชูช่อ ชาวไร่ชาวนาต่างดำรงชีพตามวิถี บ้างก็หาจับปลาตามท้องไร่ท้องนา บ้างก็จับหอยจับปูศัตรูตัวฉะกาดที่คอยจ้องกัดกินต้นข้าว เมื่อพูดถึงปูนาศรัตรูข้าวที่ชาวนาเกลียดปัจจุบันสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวไร่ชาวนาปีละหลายบาทสามารถนำมาแปรรูปทำเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่นปูอ่อง ปูทอดกรอบ ปูดอง ปูนึ่ง และอีกหลากหลายประเภท ซึ่งหนึ่งในการแปรรูปอาหารจากปูที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ “ น้ำปู ”  น้ำปูถือว่าเป็นเครื่องชูรสอีกหนึ่งอย่างในวิถีเมืองเหนือ นำไปประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น ใส่ในแกงหน่อไม้ ยำหน่อไม้ น้ำพริกน้ำปู ใส่ในตำส้มโอ รวมถึงนำไปเป็นเครื่องจิ้มผลไม้รสเปรี้ยวและยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่มะขาวน้อยเริ่มออก นำมาจิ้มกับน้ำปูขอบอกว่า “ ลำแต้ๆ ”  ครับ หลายคนรู้จักน้ำปูว่าเป็นเครื่องชูรสอาหารเมืองเหนือแต่เคยรู้วิธีการทำน้ำปูบ้างหรือไม่ 



ราวๆเดือนมิถุนายนฝนเริ่มตก  อากาศก็ยังอบอ้าว  สลับกับความชื้นแฉะ  อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง พิ้นดินจึงค่อนข้างชื้น  หลังฝนตกประมาณ 2 -3 วัน เห็ดนานาชนิดในป่า  จะทยอยผุดดอกโผล่จากพื้นดิน  จนถึงเดือนกันยายน  โดยประมาณ  ซึ่งแล้วแต่สภาพดิน ฟ้าอากาศ
   สีเหลืองดอกกลมมน  งามนาม เห็ดไข่เหลือง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Amanita sp  คนจีนจัดอาหารประเภทเห็ดเป็นยาเย็น  ลดไข้ เพิ่มพลัง ดับร้อน แก้ช้ำใน  บำรุงเซลประสาท

แก๋งเห็ดห้า


ของกิ๋นบ้านเฮา

เห็ดห้าหรือเห็นตับเต่า เป็นเห็ดที่นิยมรับประทานกันในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มักจะพบในช่วงต้นฤดูฝนใต้ต้น มะกอกน้ำ ต้นขนุน  ต้นหว้า  ต้นส้ม ต้นมะม่วง  ซึ่งนิยมนำมาทำแกงหรือย่างกินเป็นอาหาร ปัจจุบันนั้นเห็ดห้าสามารถเพาะเลี้ยงได้และมีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด


ของกิ๋นบ้านเฮา

“ยำฮก” (ยำรก) เมนูอาหารพื้นบ้านเมืองเหนือที่ทำให้หลายๆ คนน้ำลายสอและอยากที่จะลิ้มลองรสชาติอันแสนโอชะ เมื่อย้อนกลับไปสมัยก่อนกว่าจะได้กินฮกนั้นต้องรอให้วัวหรือควายที่เลี้ยงไว้เกิดลูก เมื่อวัวควายเกิดลูกเจ้าของที่เลี้ยงต้องไปนั่งเฝ้านั่งรอฮกตกออกมา บ้างก็ถือถังน้ำ ถ้วยโถกะละมังไว้รออย่างใจจดใจจ่อ ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่ทันวัวควายที่เกิดลูก มันจะกินฮกของมันเองผู้เขียนจำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กควายที่ป่ออุ้ยเลี้ยงไว้เกิดลูกป่ออุ้ยก็ให้ผมนั่งเฝ้ารอฮกออกแต่ด้วยความเป็นเด็กก็มัวแต่เล่นรู้ตัวอีกทีเจ้าทุยก็กินฮกของมันเกือบหมดต้องวิ่งเข้าไปแย่งได้มาเพียงน้อยนิด แต่ปัจจุบันตามท้องตลาดในบ้านเรามีฮกขายอยู่เกลื่อนทั่วไปบ้างก็เป็นฮกจากในพื้นถิ่นบ้านเรา แต่บางที่ก็เป็นฮกที่แช่แข็งมาจากแถวภาคกลางและภาคอีสานมีทั้งฮกเกิด(ฮกที่วัวควายเกิดลูกแล้วฮกออกมาตามธรรมชาติ) และมีทั้งฮกในท้อง(ฮกที่ได้มาจากการนำวัวควายที่มีลูกอยู่ในท้องแล้วนำไปเชือด) เมื่อได้ฮกมาแล้วโดยมากจะนำมาต้มให้สุกซึ่งสมัยก่อนนั้นพ่ออุ้ยแม่อุ้ยมักจะบอกว่าเวลาต้มให้ใส่ใบตะไคร้และใส่ใบบอนลงไปต้มด้วยต้มจนกว่าใบบอนจะเปื่อยยุ่ยถึงจะนำมาปรุงอาหารได้แต่ปัจจุบันก็เพียงแต่ต้มใส่ใบตะไคร้พอสุกก็นำมาปรุงเป็นอาหารแต่บางพื้นถิ่นก็นำไปนึ่ง


ของกิ๋นบ้านเฮา

เห็ดถอบหรือเห็ดเผาะ เป็นเห็ดพื้นบ้านที่มีอยู่ในบางพื้นที่โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือบริเวณ ที่เป็นป่าโปร่ง เห็ดเผาะชอบขึ้นตามพื้นดินที่อยู่ใต้โคนไม้ที่ถูกไฟเผา เช่น ไม้เต็ง ไม้พะยอม และมักชอบขึ้นในป่าโปร่ง ป่าแพะ เห็ดถอบมีลักษณะเป็นลูกกลมๆ ไม่มีลำต้น ไม่มีราก ชอบขึ้นตามดินร่วนที่ถูกไฟไหม้ เห็ดที่ยังอ่อนอยู่มีสีขาวนวล ส่วนเปลือกนอกรอบ ห่อหุ้มสปอร์สีขาวนวล เห็ดแก่เปลือกเป็นสีน้ำตาลถึงสีดำ ส่วนสปอร์ข้างในก็เป็นสีดำด้วยถ้าแก่มากๆ เปลือกเห็ดจะ แตกออกเป็นแฉกรูปดาวเห็นสปอร์ข้างใน การเลือกซื้อเห็ดถอบนั้นเห็ดต้องไม่แช่หรือล้างน้ำมา และที่สำคัญต้องเลือกซื้อเห็ดที่หนุ่มไม่แก่  ซึ่งเห็ดที่หนุ่มเนื้อด้านในจะเป็นสีขาวส่วนเห็ดที่แก่เนื้อด้านในจะเป็นสีดำ ถ้านำเห็ดแก่มาทำอาหารเนื้อจะเหนียวและไม่อร่อย เห็ดถอบสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูเช่น แกง ผัด


ของกิ๋นบ้านเฮา

ฝนตกฟ้าคะนองพัดเอาความชุ่มฉ่ำและความเย็นสบายมาให้ในเดือนเมษาหลังจากต้องอยู่กับอากาศร้อนมานาน  เมื่อฝนมาพืชไม้นาๆ พรรณก็ผลิบาน อาหารการกินตามฤดูกาลก็เริ่มมีให้เห็น ถ้าไปเดินตามท้องตลาดในช่วงนี้เราจะเห็นแม่ค้าหอบหิ้วเอา “ ดอกก้าน ” มาขาย ดอกก้านเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งตระกูลเดียวกับบุกมีเหง้าอยู่ในดิน  (ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้าน) มีลำต้นเป็นก้านยาวออกมาเหนือดินประมาณ 1 – 2  ฟุตมีลักษณะกลมขนาดนิ้วมือมีสีเขียวอ่อนและสีน้ำตาลแดง มีจุดกระจายอยู่ทั่วไปมีดอกอยู่ตรงปลายก้าน   นิยมนำมาทำเป็นอาหารโดยเฉพาะแกง  ครับวันนี้พะเยา 108 จะมานำเสนอเมนูอาหารพื้นบ้านภาคเหนือที่มีชื่อว่า “แกงดอกก้าน”

ปู๋อ่อง


DSCF7734

ปู๋อ่อง เป็นอาหารพื้นบ้านหารับประทานได้ในช่วงฤดูฝนไปจนถึงต้นฤดูหนาวเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ปูนามีเยอะมาก วิธีทำก็แสนจะง่ายโดยนำมันปูนาที่หาได้มารวมกันในกระดองปู(บางพื้นที่นำไข่ไก่ผสมด้วย)
แล้วปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย จากนั้นนำไปย่างไฟอ่อนๆ จนสุก

แก๋งโฮะ


ของกิ๋นบ้านเฮา"แก๋งโฮะ"

โฮะ , โฮ๊ะ หมายถึงรวม แกงโฮะจึงหมายถึงการเอากับข้าวหลายๆ อย่างมาแกงรวมกันเป็นอีกภูมิปัญญาหนึ่งของบ้านเรา วิธีทำแกงโฮะไม่ยุ่งยาก โดยนำกับข้าวที่มีอยู่หลายๆ อย่างมาเทรวมกัน ถ้าจะให้อร่อยจะต้องใส่แกงฮังแลเข้าไปด้วยตั้งกระทะ ไฟอ่อนๆ ใส่ตะไคร ข่า จากนั้นโขลกพริก กระเทียม กะปิ ใส่ลงไปในแกง ตามด้วยหน่อไม้ดองเล็กน้อย ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ มะเขือพวง (บางแห่งใส่ดอกข่าลงไปด้วย) หลังจากนั้นใส่ผงกะหรี่ ใส่เกลือปรุงรสตามชอบ เคี่ยวจนงวด ใส่วุ้นเส้น ใบมะกรูด ผัดจนแห้ง

มันกู้


มันกู้

“มันกู้” เป็นผลไม้ที่ออกผลในช่วงฤดูหนาว ลักษณะของต้นมันกู้จะเป็นเครือคล้ายๆ กับต้นถั่วฝักยาว ผลมันกู้จะมีสีน้ำตาลเข้ม ผิวขรุขระ นิยมนำมาต้มกับเกลือหรือบางคนนิยมนำมาต้มจิ้มกินกับน้ำตาล เวลาทานต้องแกะเปลือกสีน้ำตาลออก ส่วนรสชาติคล้ายกับเผือกแต่เนื้อเหนียวกว่า ใครอยากลิ้มลองรสชาติของ “มันกู้” ช่วงนี้    แม่ค้าเริ่มนำมาขายตามท้องตลาดแล้ว ลองตื่นเช้าๆ หาซื้อมันกู้ผลไม้เมืองๆ ฤดูหนาวมาทานดูนะครับ


แกงแคหอย

แก๋งหอย,แก๋งแคหอย,แก๋งแคหอยจูบ เป็นอาหารเลิศรสของเมืองเหนือ หลากหลายคุณประโยชน์ วิธีทำก็แสนจะง่าย โดยนำหอยจูบ(หอยขม) มาล้างน้ำให้สะอาดจากนั้นก็ตัดก้นหอยทิ้ง เตรียมเครื่องปรุงพริกแกงซึ่งประกอบด้วยพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ข่า กะปิ บางพื้นที่ก็ใส่ปลาร้าลงไปด้วย  แล้วนำมาโขลกรวมกัน ตั้งน้ำให้เดือดใส่พริกแกงลงไปจากนั้นใส่หอยจูบ(หอยขม)  รอน้ำเดือดใส่ผักแค (ผักแคคือผักหลายๆ ชนิดตามฤดูกาล เช่น ชะอม ดอกแค ถั่วฝักยาว มะเขือ มะเขือพวง) ใส่ข้าวคั่ว ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา ตามชอบ เท่านี้ก็ได้แก๋งแคหอยจูบที่แสนอร่อยน่ารับประทานแล้วครับ

น้ำพริกอี่เก๋


น้ำพริกอี่เก๋

น้ำพริกอี่เก๋เป็นอาหารพื้นเมือง เมืองเหนือที่มีรสจัดจ้านกรรมวิธีการทำก็ง่ายแสนง่าย มีหน่อไม้ต้ม แคบหมู แตงกวา หรืออาจจะหาผักริมรั้วมาเป็นเครื่องเคียง

ข้าวหนึกงา


ข้าวหนึกงา


ข้าวหนึกงา เป็นอาหารพื้นบ้านพื้นเมืองหรือสำหรับบางคนก็เป็นของกินเล่น ที่มักนิยมทำกินกันในช่วงฤดูหนาว ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพีงนำข้าวเหนียว (นิยมนำข้าวเหนียวที่ยังร้อน ๆ อุ่น ๆ มาทำ) มาผสมคลุกเคล้ากับงาที่โขลกละเอียด (คำว่า “หนึก” เป็นคำเมืองแปลว่าผสมคลุกเคล้านวดให้เข้ากัน)ใส่เกลือเล็กน้อย เท่านี้ก็ได้ “ข้าวหนึกงา” ที่แสนจะอร่อยไว้กินเล่นในวันอากาศหนาว ๆ แล้วครับ


น้ำพริกตาแดง มะกอก


น้ำพริกเป็นอาหารที่อยู่คู่ครัวของทุกๆ บ้าน มีอยู่มากมาย หลากหลายเมนูตามบริบท ตามฤดูกาลของแต่ละถิ่น น้ำพริกมักจะทานกับเครื่องเคียงเป็นผักนาๆ ชนิดทั้งผักสดหรือผักสุก  น้ำพริกเป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่ล้วนอุดมไปด้วยสารพัดประโยชน์ที่ได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆ กับพืชผักสมุนไพรที่นำมาทานเป็นเครื่องเคียง   หนึ่งเมนูน้ำพริกที่ พะเยา108 จะขอนำเสนอในวันนี้คือน้ำพริกตาแดง (มะกอก ) หรือบางคนอาจเรียกว่าน้ำพริกมะกอกก็ได้ครับ

แก๋งบ่าหนุนวันปากปี๋


แก๋งบ่าหนุน

วันปากปี  จัดว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในเทศกาลปีใหม่เมือง ถือเป็นวันแรกของปี ในวันนี้ ชาวล้านนามักจะทำแกงขนุน หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “แก๋งบ่าหนุน” กันทุกครอบครัว เพราะเชื่อว่าจะหนุนชีวิตให้เจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เหตุผลของการทานแกงขนุนดังกล่าว อาจจะมาจากชื่อขนุน ที่มีความหมายถึงการเกื้อหนุน ค้ำจุน ครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองหรือตลอดปี  

ต๋ำมดส้ม


ต๋ำมดส้ม

เมื่อลมร้อนผัดผ่านเข้ามาอีกครั้งวิถีชีวิต อาหารการกินของผู้คนก็เริ่มปรับเปลี่ยน อาหารตามฤดูกาลในวันที่อากาศร้อนๆ อีกเมนูหนึ่งที่นานทีปีหนจะได้ลิ้มรสชาติซักหนึ่งครั้งคงจะต้องบอกว่าน่าจะเป็นเมนูอาหารที่เกี่ยงกับ ไข่มดส้ม (ไข่มดแดง)  อาหารที่เกี่ยวกับมดส้มมีหลากหลายเมนูแล้วแต่พื้นถิ่นแล้วแต่การประยุกต์ดัดแปลงสร้างสรรค์ให้ถูกปากถูกคอ แต่เมนูที่พื้นถิ่นภาคเหนือรู้จักกันมานมนานและต้องบอกว่าลำแต้ๆ นั่นก็คือ “ ต๋ำมดส้ม ” 

ไข่แมงมัน


ไข่แมงมัน

คิมหันตฤดูมาเยือนวิถีชีวิตของผู้คนกับอาหารการกินเริ่มปรับเปลี่ยน ของกิ๋นบ้านเฮาในช่วงที่อากาศกำลังก้าวย่างเข้าสู่ฤดูร้อนหลายคนคงนึกถึง “ไข่แมงมัน” แมงมันเป็นมดชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในใต้ดินในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมแมงมันจะออกไข่ ชาวบ้านจะพากันไปขุดหาแมงมันตามเนินดินตามป่าเขา มาขาย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 800 ถึง 1,800 บาทต่อกิโลกรัม แต่วิธีการเสาะแสวงหาไข่แมงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ ต้องบอกว่าผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเท่านั้นที่จะสามารถตามหารังไข่ของแมงมันได้ สมัยผู้เขียนเป็นเด็กเคยติดสอยห้อยตามลุงไปหาไข่แมงมันลุงจะใช้จอบสุ่มขุดดินตามเนินดินบ้าง ตามแหล่งดินใกล้จอมปลวกบ้างสุ่มเดาไปเรื่อยๆ เวลาขุดดินลุงก็จะนำดินที่ขุดมาวิเคราะห์พิจารณาดูผมเคยถามลุงว่า “ลุงกำลังดูอะไรอยู่” ท่านตอบกับผมว่า “ กำลังดูว่ามีร่องรอยของรูแมงมันหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าเราใกล้จะพบรังของแมงมันแล้ว ”   ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยกว่าจะพบ ไข่แมงมัน และก็ไม่แปลกเลยที่ราคาของไข่แมงมันสูงลิบลิ่ว แต่ราคาสูงเท่าไหร่ก็ตามผู้คนก็ยอมควักเงินเพื่อซื้อไข่แมงมันมารับประทาน ไข่แมงมันสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น  แกง เจียว ห่อหมก หรือแมงมันจ่อม ถือว่าไข่แมงมันเป็นอาหารจานโปรดจานหนึ่งของชาวเหนือที่หนึ่งปีจะได้ลิ้มลองรสชาติอันแสนจะอร่อย 




แหล่งอ้างอิง / สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ประเพณีของจังหวัดพะเยา

ประเพณีไหว้พระธาตุดอยจอมทอง



วันเพ็ญเดือน 4 ทุกปี ชาวพะเยาพร้อมใจกันทำบุญไหว้พระธาตุดอยจอมทอง เพราะความเลื่อมใสศรัทธา


ประเพณีไหว้พระเจ้าตนหลวง



เป็นประเพณีที่ผู้คนมากราบไหว้พระเจ้าตนหลวงอย่างล้นหลาม เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว ในวันเพ็ญเดือน 6 ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี 


ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำ



เป็นพิธีขอน้ำขอฝน จากผีประจำขุนเขาที่เป็นต้นน้ำ เพราะเป็นเวลาที่ใกล้จะหว่านข้าวกล้า จะทำในวันปากปีของสงกรานต์เมืองเหนือ วันที่ 16 เมษายน ข
องทุกปี


ประเพณีไหว้พระธาตุวัดป่าแดง-บุญนาค

2_4

เป็นประเพณีที่ชาวพะเยา จะพากันทำบุญตักบาตรสวดมนต์ไหว้พระ เวียนเทียน รักษาศีลภาวนา ในวันเพ็ญเดือน 5 ของทุกปี


ประเพณีลอยกระทง (ประเพณียี่เป็ง)




ตรงกับวันเพ็ญเดือนยี่เหนือ (เดือนพฤศจิกายน) ประเพณีนี้มี 2 วันคือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ เรียกว่า วันยี่เป็ง เป็นวันขอขมาต่อแม่น้ำคงคา ในช่วงเช้าจะเป็นการทำบุญตักบาตร และมีเทศน์มหาชาติฉบับล้านนา ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงกลางคืนและกลางวัน จะมีการปล่อยโคมลอยขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นการปล่อยเคราะห์ปล่อยโศก กลางคืนจะมีการลอยกระทงเล็ก บริเวณรอบกว๊านพะเยา


งานประเพณีสลากภัต




โดยจะเริ่มตั้งแต่ วันเพ็ญเดือนสิบสองเหนือ (เดือน 10) ประมาณเดือนกันยายน และจะสิ้นสุดในเดือนเกี๋ยงดับ (เดือน 11) ชาวบ้านจะนำเอาสิ่งของต่างๆ เช่น ข้าวสาร พริก หอม กระเทียม อาหารเป็นห่อนึ่ง ชิ้นปิ้ง (เนื้อย่าง) หมาก เมี่ยง บุหรี่ รวมใส่ในก๋วย (ตะกร้า) พร้อมกับยอด คือ สตางค์หรือธนบัตรผูกไว้ ซึ่งขึ้นอยู่กับกำลังศรัทธาและทรัพย์ของแต่ละครอบครัว



งานพิธีแห่เทียนเข้าพรรษา




จะตรงกับวันอาสาฬหบูชา หรือวันเพ็ญเดือนแปด (เดือนกรกฎาคม) โดยคณะศรัทธาและหน่วยราชการทุกแห่ง จะรวมกันหล่อเทียนที่แกะสลักอย่างสวยงาม เพื่อนำมาร่วมเป็นขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาของแต่ละปี มีการประกวดประชันความสวยงามของเทียน



พิธีเลี้ยงผีหนองเล็งทราย 




จะจัดขึ้นวันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 เหนือ (เดือน 7) ของทุกปี ณ บริเวณหนองเล็งทราย อ. แม่ใจ ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ เพื่อสร้างจิตสำนึกของชาวบ้านให้รู้จักคุณค่าของแหล่งน้ำและช่วยกันอนุรักษ์


ประเพณีวันดอกคำใต้บาน




วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี กลุ่มสตรีทุกระดับจะรวมพลังทำกิจกรรมร่วมกัน มีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน การจำหน่ายผลผลิตพื้นบ้าน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สตรีทุกคนสำนึกในศักดิ์ศรีของสตรี 



งานอนุสรณ์ผู้เสียสละ พ.ต.ท.2324




จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรชนที่เสียสละชีวิตจากการต่อสู้ระหว่างประชาชน ข้า ราชการ ตำรวจ ทหาร กับพวกคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย งานจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 31 มกราคม ถึง 6 กุมภาพันธ์ บริเวณสนามบินทหาร โดยจะมีพิธีวางพวง มาลาอนุสรณ์ผู้เสียสละ 


งานสืบสานตำนานไทยลื้อ 




จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม เพื่อส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไท ลื้อ ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของอำเภอเชียงคำ ในงานมีขบวนแห่วัฒนธรรมที่สวย งาม ในเขตเทศบาลเชียงคำ มีการจำหน่ายอาหารไทลื้อ การสาธิตพิธีกรรม ต่างๆ 



งานสักการะบวงสรวง พ่อขุนงำเมือง 




เป็นการรำลึกถึงพ่อขุนงำเมือง กษัตริย์ที่ครองเมืองพะเยา ซึ่งในช่วงที่พระองค์ครองราชย์ บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข และได้ทรงร่วมกับพ่อขุนรามคำแหง มหาราช และพ่อขุนเม็งรายมหาราช สาบานเป็นพระสหายต่อกันที่เมืองพะเยา งานจัดขึ้นทุกวันที่ 5 มีนาคม ที่บริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมืองสวนสมเด็จย่า 90 โดยมีพิธีบวงสรวงแบบพราหมณ์ มีขบวนสักการะเทิดพระเกียรติ และการ แสดงวัตนธรรมล้านนา



งานเทศกาลลิ้นจี่ และของดีเมืองพะเยา 




จัดขึ้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ที่ตลาดกลางเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ อำเภอแม่ใจ ในงานมีมหรสพ การแสดง การประกวดธิดาชาวสวนลิ้นจี่ ประกวดลิ้นจี่พันธุ์ต่างๆ




แหล่งอ้างอิง http://www.baanjomyut.com/76province/north/prayao/costom.html

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดพะเยา


ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา



ศิลปวัฒนธรรมตีกลองปู่จา



ศิลปวัฒนธรรมตีกลองสบัดชัย




สืบค้นข้อมูลศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดพะเยาเพิ่มเติมได้ที่

แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพะเยา


แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

1. กว๊านพะเยา


“กว๊านพะเยา” หรือ “หัวใจของเมืองพะเยา” อยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืด ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 4 ของประเทศไทย (รองจากบึงบอระเพ็ด, หนองหาน และบึงละหาน)คำว่า "กว๊าน" ตามภาษาพื้นเมืองหมายถึง "บึง" เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ใจกลางเมืองพะเยา มีทิวเขาเป็นฉากหลัง เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากห้วยต่างๆ 18 สาย มีปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 29.40 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพันธ์ปลาน้ำจืดกว่า 48 ชนิด มีเนื้อที่ 12,831 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาต่างๆ ประกอบกับ ทัศนียภาพโดยรอบกว๊านพะเยามีความสวยงามประทับใจแก่ผู้พบเห็น จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีกทั้งบริเวณริมกว๊านพะเยามีร้านอาหารและสวนสาธารณะให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากกว๊านพะเยาในอดีตแต่เดิมเคยเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำมีสายน้ำอิงไหลพาดผ่านคดเคี้ยวทอดเป็นแนวยาวไปตลอด จากทิศเหนือจรดขอบกว๊านฯ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประกอบกับมีหนองน้ำน้อยใหญ่หลายแห่งและร่องน้ำหลายสายที่ไหลลงมาจากขุนเขาดอยหลวงแล้วเชื่อมติดต่อถึงกัน ทำให้พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากจึงทำให้พื้นที่แห่งนี้มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่เป็นชุมชนนานนับตั้งแต่โบราณ

2. อุทยานแห่งชาติดอยหลวง


อุทยานแห่งชาติดอยหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า
จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้ยกฐานะมาจากวนอุทยานน้ำตกจำปาทอง วนอุทยานน้ำตกผาเกล็ดนาค วนอุทยานน้ำตกปูแกง และวนอุทยานน้ำตกวังแก้ว รวม 4 แห่ง ที่มีพื้นที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกัน มีสภาพธรรมชาติและจุดเด่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของภาคเหนือ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,170 ตารางกิโลเมตร หรือ 731,250 ไร่ อุทยานแห่งชาติดอยหลวงได้ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2533

3. น้ำตกจำปาทอง


น้ำตกจำปาทอง เป็นน้ำตกที่พบเห็นในสภาพป่าดิบชื้นทั่ว ๆ ไป มีลักษณะเป็นน้ำตกสูงชัน
น้ำใสสะอาด น้ำตกลงมาเป็นสายคล้ายงาช้าง หัวช้างบ้าง ซึ่งราษฎรในท้องถิ่นก็ตั้งชื่อชั้นของน้ำตกที่เห็นตามลักษณะของน้ำตกที่ปรากฏให้เห็น การเดินทางมีถนนลาดยาง แยกจากถนนสายเชียงราย - พะเยา ตรงหลักกิโลเมตรที่ 7 ก่อนจะถึงตัวจังหวัดพะเยาเดินทางเข้าไปอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ก็ถึงบริเวณน้ำตก

4. อ่างเก็บน้ำห้วยชมพู– ผาเทวดา


อ่างเก็บน้ำห้วยชมพู– ผาเทวดา มีกิจกรรมที่นิยมในการท่องเที่ยว คือ เดินป่าและโรยตัวหน้าผาเทวดา
เดิมเรียกว่า “หน้าผากิ่งป่าแฝด” แต่ภายหลังเรียกว่า “หน้าผาเทวดา” บริเวณนี้มีถ้ำน้อยใหญ่อยู่กว่าสิบแห่ง ควรแวะพักผ่อนเตรียมความพร้อมของร่างกายค้างคืนที่โฮมเสตย์บ้านสันโค้งก่อน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินป่า ปีนผาเทวดา ตั้งแต่การโรยตัว ณ จุดโรยตัวโดยจะต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อไปถึงจนสุดของถนน พร้อมเดินเท้า ประมาณ 3 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างลำบากและท้าทาย ใช้ระยะเวลาการเดินประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะแก่นักผจญภัย ส่วนอุปกรณ์สำหรับโรยตัว ถุงมือ หมวก ตะขอเหล็กล็อค ฯล โดยทาง อบต.สันโค้ง ได้จัดเตรียมให้บริการอย่างครบครัน โดยจะจัดให้มีการโรยตัวที่ความสูง 25 เมตร, 50 เมตร และ 110 เมตร พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญคอยให้การแนะนำ การโรยตัวและดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติและรักความตื่นเต้น ระหว่างทางที่เดินไปกลับหน้าผาเทวดานั้น จะเดินทางผ่านถ้ำฝนแสนห่า ซึ่งเป็นถ้ำที่มีน้ำตกไหลลงมาคล้ายสายฝนและจะพบนกยูงมากในช่วงปลายฝนต้นหนาวและจะมีดอกไม้ป่าขึ้นอยู่บริเวณน้ำตกห้วยชมพู โดยเฉพาะบริเวณ
ชั้นที่3 ของน้ำตก เรียกว่า “ตาดหัวช้าง”

5. หนองเล็งทราย


การเดินทางมาท่องเที่ยวหนองเล็งทรายนั้น ต้องใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ
พะเยา-เชียงราย มาจนถึงแยกศรีบุญเรือง เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธินสายใน เดินทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงวัดโพธารามทางด้านซ้ายมือ แต่ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนข้างวัดไปจนสุดทางถนนจะพบกับหนองน้ำแห่งอำเภอแม่ใจ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 5,500 ไร่ ครอบคลุมหลายตำบล ทัศนียภาพสวยงามมาก

6. อุทยานแห่งชาติภูซาง


จากข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึง “อุทยานแห่งชาติภูซาง” นั้นมีขนาดพื้นที่ประมาณ 284.8 ตารางกิโลเมตร (17,8049.62 ไร่) อยู่ในเขตระหว่างอำเภอเทิง จ.เชียงราย กับ อ.ภูซาง ถึง อ.เชียงคำ จ.พะเยา และมีอาณาเขตติดต่อกับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

7. อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง


อุทยานแห่งชาติดอยภูนางมีสิ่งน่าสนใจมากมายโดยเฉพาะนกยูงและน้ำตกต่างๆ มีเนื้อที่ประมาณ
538,124 ไร่ หรือ 861 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงม่วน อ.ปง อ.ดอกคำใต้ สภาพป่า ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เสือปลา แมวลายหินอ่อน แมวดาว เลียงผา ตัวนิ่ม ฯลฯ ที่สำคัญคือ นกยูง


แหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณสถาน

1. วัดศรีโคมคำ


วันศรีโคมคำ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี และวัดพัฒนาตัวอย่าง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา
ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกว่า "วัดพระเจ้าองค์หลวง" หรือ "วัดพระเจ้าตนหลวง" มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุด ในล้านนาไทย ขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 16 เมตร มีประวัติกล่าวถึงอย่างพิสดารว่า ปรากฏพญานาค ได้นำทองคำมาให้ตายายคู่หนึ่ง ที่ตั้งบ้านอยู่ริมกว๊านพะเยา เพื่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งตายายคู่นี้ใช้เวลา สร้างถึง 33 ปี (พ.ศ. 2034 - 2067) และกาลต่อมาเรียกว่า "พระเจ้าองค์หลวง" ในปัจจุบันพระเจ้าองค์หลวง มิใช่เป็นแต่เพียงพระพุทธรูปคู่เมืองพะเยาเท่านั้น แต่ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอาณาจักรลานนาไทยด้วย โดยในเดือนพฤษภาคมจะมีงานนมัสการพระเจ้าองค์หลวงเป็นประจำทุกปี เรียกว่า "งานประเพณีนมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง"

2. วัดติโลกอาราม


วัดติโลกอาราม เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่จมอยู่ในกว๊านพะเยาค้นพบในปี พ.ศ. 2482
กรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำในกว๊านพะเยาเพื่อกักเก็บน้ำ เป็นวัดที่พระเจ้าติโลกราช แห่งราชอาณาจักรล้านนา โปรดให้พระยายุทธิษถิระ เจ้าเมืองพะเยา สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2019-2029 ในบริเวณที่เรียกว่า “บวกสี่แจ่ง” ซึ่งแต่เดิมเป็นชุมชนโบราณ และมีวัดอยู่เป็นจำนวนมาก โดยวัดแห่งนี้เป็นชื่อวัดที่ปรากฏอยู่ในศิลาจารึก ซึ่งถูกค้นพบได้ในวัดร้างกลางกว๊านพะเยาหรือในบริเวณหนองเต่า จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึก ทำให้รู้ว่าวัดนี้ มีอายุเก่าแก่ มากกว่า 500 ปี สร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เนื่องจากผู้ปกครองเมืองพะเยาได้สร้างถวาย เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแก่พระเจ้าติโลกราช ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา

3. วัดอนาลโยทิพยาราม


“วัดอนาลโยทิพยาราม” หรือ “ดอยบุษราคัม” ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม บ้านสันป่าม่วง หมู่ที่ 6
ต.สันป่าม่วง จังหวัดพะเยา จากตัวเมืองไปเส้นทางพะเยา - เชียงราย ประมาณ 7 กม.แยกซ้ายไปตามทางหลวง หมายเลข 1127 ประมาณ 9 กิโลเมตร สร้างโดยพระปัญญาพิศาลเถร (พระอาจารย์ไพบูลย์ฯ) เป็นอุทยาน พระพุทธศาสนา มีศาสนสถานที่สวยงาม ได้แก่พระพุทธรูปศิลปสุโขทัยองค์ใหญ่ พระพุทธรูปปางต่างๆ พระพุทธลีลา พุทธคยาเก๋งจีนประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม หอพระแก้วมรกตจำลองทำด้วยทองคำ ฯลฯ มีบรรยากาศร่มรื่น พื้นที่กว้างขวาง แวดล้อมไปด้วยทรัพยากร ป่าไม้ จากยอดดอยสามารถชมความสวยงามของทัศนียภาพของกว๊านพะเยาและตัวเมืองของพะเยา โดยสามารถเดินทางท่องเที่ยวที่วัดอนาลโยใน 2 ลักษณะตามอัธยาศัยทั้งทางรถยนต์และทางบันไดเดินเท้า โดยทางวัดได้จัดที่พักลักษณะรีสอร์ท เพื่อบริการนักท่องเที่ยวไว้แล้วอย่างครบครัน

4. โบราณสถานเวียงลอ


สถานที่ตั้งของโบราณสถานเวียงลอห่างจากตัวอำเภอจุนไปตามทางหลวงหมายเลข 1021 ถึงบ้านห้วยงิ้ว ประมาณ 17 กิโลเมตร มีทางแยกเป็นทางเดินถึงบ้านน้ำจุน รวม 12 กิโลเมตร ถัดมาจะพบทางแยกเป็นทางเดิน ถึงบ้านน้ำจุนอีก 12 กิโลเมตร ปรากฏซากกำแพงเมืองเก่า วัดร้างอยู่มากมาย จะมีพระธาตุและวัดเก่าแก่ คือ วัดศรีปิงเมือง เมืองลอหรือเวียงลอ มีคูเมืองและกำแพงคันดิน 1 - 2 ชั้น ล้อมรอบ ตั้งอยู่ที่ราบระหว่างเชิงดอยจิกจ้องและแม่น้ำอิง

5. วัดพระธาตุจอมทอง


วัดพระธาตุจอมทอง ศาสนสถานที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง บริเวณริมกว๊านพะเยา อยู่ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร อยู่ตรงข้ามวัดศรีโคมคำ มีทางรถยนต์ขึ้นไป ถึงยอดเขา ภายในวัดมี "พระธาตุจอมทอง" เป็นเจดีย์ทรงล้านนาสูง 30 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้าง 9 เมตร ซ้อนกันสามชั้น รองรับองค์ระฆัง ส่วนยอดสุดเป็นฉัตรสีทอง ฐานโดยรอบข้างล่างบุด้วยแผ่นโลหะ ดุนลายเป็นรูป 12 นักษัตร และลายไทยอันงดงามมาก ลักษณะคล้ายพระธาตุหริภุญชัย ของจังหวัดลำพูน โดยวัดพระธาตุจอมทอง ตั้งอยู่บนเนินเขาตรงข้ามวัดศรีโคมคำ ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา จากสี่แยกประตูชัย ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่แม่ใจ 2.5 กิโลเมตร มีถนน เส้นทางแยกด้านซ้ายมือซึ่งผ่านหอสมุด แห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 300 เมตร ที่ตั้งวัดอยู่ทางด้านขวามือ สำหรับความเป็นมานั้นเล่ากันว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เมืองภูกามยาว ประทับแรมบนดอย ตั้งอยู่บนฝั่งหนองเอี้ยง ทางทิศเหนือ และพระองค์ทรงมอบพระเกศธาตุองค์หนึ่ง เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ในถ้ำบนดอยนั้น ซึ่งเป็นถ้ำลึกกว่า 70 วา

6. ศูนย์วัฒนธรรมไทลื้อ


ศูนย์วัฒนธรรมไทลื้อ ตั้งอยู่ที่วัดหย่วนใน อำเภอเชียงคำ จัดตั้งเป็นศูนย์แสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรมและฝึกอาชีพของชาวไทยลื้อ โดยเฉพาะผ้าของชาวไทยลื้อที่มีลวดลายและสีสันสดใส ในอดีตชาวไทยลื้อมีถิ่นอาศัยอยู่ในเขตสิบสองปันนามณฑลยูนาน ประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีพื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขามีที่ราบแคบอยู่ตามหุบเขาและลุ่มแม่น้ำ อันเป็นบริเวณ
ที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากินของชาวไทลื้อ โดยเฉพาะการทำนาที่ลุ่มเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป มีแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งชาวไทยลื้อเรียกว่า "แม่น้ำของ" ในปี พ.ศ. 2399 เจ้าสุริยพงษ์ ผริตเดช ผู้ครองนครน่าน ได้อพยพมาอยู่ที่บ้านท่าฟ้าเหนือและท่าฟ้าใต้ อำเภอเชียงม่วน หลังจากนั้นมีบางส่วนได้อพยพมาอยู่ที่อำเภอเชียงคำ ชาวไทลื้อมีอุปนิสัยรักสงบ ขยันอดทน นอกจากนั้น ยังเป็นผู้ที่อนุรักษ์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดีโดยเฉพาะวัฒนธรรมการแต่งกาย เป็นต้น

7. อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง


อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ประดิษฐานอยู่ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา (สวนสมเด็จย่า 90)
ถนนเลียบกว๊านพะเยา พ่อขุนงำเมืองเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองภูกามยาว ลำดับที่ 9 เป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์ทรงเป็นพระสหายร่วมน้ำสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสามพระองค์ได้กระทำสัตย์ต่อกัน ณ แม่น้ำอิง ส่วนพระองค์นั้น พ่อขุนงำเมืองเป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ เล่าขานสืบต่อกันว่า ยามเมื่อพระองค์ทรงเสด็จประพาสเยี่ยมเยือน ณ แห่งหนใด “แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่อฮำ จักให้บดก็บด” พร้องกับพระนาม “งำเมือง”

8. พิพิธภัณฑ์เวียงพยาว (วัดลี)


“พิพิธภัณฑ์เวียงพยาว” หรือ “วัดลี” มีความเป็นมาบนเส้นทางยาวไกลจุดเริ่มต้นนั้น เกิดจากแรงบันดาลใจ และความสำนึกรักถิ่นเกิดของ พระครูอนุรกษ์บุรานันท์ เจ้าคณะอำเภอเมืองพะเยาเจ้าอาวาสวัดลี ที่ท่านได้เล็งเห็นคุณค่า โบราณวัตถุซึ่งเป็นสมบัติของชาติจำนวนมากถูกทอดทิ้งอยู่ตามวัดร้างต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จึงอนุรักษ์ และนำมาเก็บรักษาไว้ที่วัดลี เพื่อมิให้สูญหาย ร่วมระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา ทำให้โบราณวัตถุมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งไม่มีสถานที่เก็บเพียงพอ จึงดำริที่จะตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขึ้นมา เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุและเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรมของเมืองพะเยาอีกแหล่งหนึ่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในก้าวแรก แต่จะให้สำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่องและยั่งยืนได้นั้นยังขาดงบประมาณ มาสนับสนุนอย่างพอเพียง กระทั้งถึงปี พ.ศ. 2549 ทางจังหวัดพะเยา โดยนาย ธนเษก อัศวานุวัตร ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีนโยบายเร่งด่วน ผลักดันโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดลีอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม พร้อมกันทุกๆ ฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และคนในชุมชนวัดลี ร่วมใจกันสนับสนุน จนกระทั้งสามารถจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ฯ ประสบผลสำเร็จ ในปี พ.ศ. 2550 ขึ้นมา

9. หอวัฒนธรรมนิทัศน์


หอวัฒนธรรมนิทัศน์เป็นสถานที่จัดแสดงวัตถุโบราณ รวมถึงเอกสารข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์
ด้านวรรณกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมประเพณี และวิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้านในจังหวัดพะเยา
เป็นผลงานแห่งความอุตสาหพยายามในการสืบเสาะและเก็บรักษาของหลวงพ่อพระอุบาลีคุณูปมาจารย์
เจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ นานกว่า 43 ปีประกอบไปด้วย ซากปรักหักพังและปติมากรรมในยุคหินทรายของเมืองพะเยา (พุทธศตวรรษที่ 20 -22) อาทิ ส่วนเศียรและส่วนองค์พระพุทธรูปที่แตกหัก, ช้างเอราวัณ 4 เศียร, ดอกบัวหินทราย,ถ้วยชามเวียงกาหลง เป็นต้น

10. วัดพระนั่งดิน


วัดพระนั่งดิน เป็นวัดที่องค์พระประธานของวัดไม่มีฐานรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ
เคยมีราษฎรสร้างฐานรองรับเพื่ออัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐานบนฐานรองรับ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถจะยกองค์พระประธานขึ้นได้ แม้จะพยายามยกด้วยวิธีการต่างๆ ที่เหมาะสมก็ไม่สามารถยกขึ้นได้จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า “พระนั่งดิน” ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธรูปนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ดังนั้น พระเจ้านั่งดินน่าจะมีอายุกว่า 2500 ปีและตามประวัติกล่าวถึงอีกว่า ในการสร้างพระพุทธรูปนี้ใช้เวลา 1 เดือน 7 วัน จึงเสร็จ เมื่อสร้างเสร็จได้ประดิษฐานไว้บนพื้นราบโดยไม่มีฐานชุกชีดังพระพุทธรูปอื่นๆ ทั่วไป

11. วัดนันตาราม


วัดนันตาราม ตั้งอยู่บริเวณตลาดเทศบาลตำบลเชียงคำ ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด เป็นวัดประจำชุมชน ชาวไทยใหญ่ เดิมเรียก “วัดจองคา” เพราะมุงด้วยหญ้าคา (คำว่า “จอง” เป็นภาษาไทยใหญ่ หมายถึง วัด) พุทธศาสนิกชนชาวไทยใหญ่เป็นผู้สร้าง โดย พ่อหม่อง โพธิ์ขิ่น บริจาคที่ดินเนื้อที่ 3 ไร่เศษ เป็นสถานที่ก่อสร้าง พ่อเฒ่าอุบล เป็นประธานในการก่อสร้างจนสร้างสำ เร็จเรียบร้อย มีฐานะเป็นอารามหรือสำ นักสงฆ์ โดยประชาชนทั่วไปนิยมเรียก “วัดจองเหนือ”

12. วัดพระธาตุสบแวน


ที่วัดพระธาตุสบแวนแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจหลายอย่าง อาทิบ้านชาวไทลื้อ ต้นจามจุรีขนาดใหญ่
อายุกว่า 100 ปี เจดีย์อายุเก่าแก่กว่า 800 ปี บ้านชาวไทลื้อที่ตั้งอยู่ภายในวัดมีศูนย์หัตถกรรมทอผ้า
จากผู้หญิงสูงอายุในหมู่บ้าน งานหัตถกรรมจากผ้าฝ้าย มีให้ซื้อขายและได้ชมวิธีการทอผ้า สามารถเข้าชมเรือน ไทลื้อเพื่อรู้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทลื้อได้อย่างละเอียด และจุดสำคัญ พระธาตุสบแวนซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง ของวิหารภายในวัดนั้น เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 800 ปี

13. วัดแสนเมืองมา


“วัดแสนเมืองมา” มาจากชื่อหมู่บ้าน “มาง” ในสิบสองปันนา ประเทศจีน สถาปัตยกรรมภายในวัด
สร้างตามแบบศิลปะไทลื้อ รวมไปถึงป้ายต่างๆ ในบริเวณวัดมีทั้งภาษาไทยและภาษาจีน เนื่องจากมีชาวไทลื้อ เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประเทศไทยกับสิบสองปันนา นักวิชาการต่างสันนิษฐานกันว่า วัดน่าจะถูกสร้างขึ้น ในสมัยยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์เพราะมีหลังคามุงแป้นเกล็ดไม้งดงามมาก ซึ่งเป็นศิลปะไทลื้อ หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปเทพนม บนพื้นสลักลายสวยงาม บันไดทางเข้าเป็นรูปพญานาค ประตูด้านข้างทางเข้ามีรูปปั้นสิงห์คู่เฝ้าประตู ล้วนแล้วแต่มีความสวยงามร่วมสมัย

14. วัดหย่วน


วัดหย่วนเป็นศูนย์กลางแสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรมของชาวไทลื้อ รวมทั้งเป็นศูนย์ฝึกอาชีพ
โดยเฉพาะผ้าทอไทลื้อ ซึ่งมีลวดลายสีสันสดใสสวยงาม ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดแสนเมืองมาและสถานีขนส่งมากนัก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือมีระยะทางห่างกันเพียง 500 เมตรโดยประมาณ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าเที่ยวชมได้ต่อเนื่องกันไป

15. วัดท่าฟ้าใต้


วัดท่าฟ้าใต้เป็นวัดที่สร้างตามรูปแบบศิลปะไทลื้อที่งดงามมากอีกแห่งหนึ่ง วิหารมีรูปแบบศิลปะไทลื้อ
ก่ออิฐถือปูน หลังคามุงแป้นเกล็ดซ้อนกัน 3 ชั้น หน้าบัน เป็นลายเครือเถาแบบไทลื้อที่ประยุกต์ลายมาจากธรรมชาติ มีลายดอกไม้บานอยู่ตรงกลาง ประดับด้วยกระจกเงา มีแนวคิดในการออกแบบศิลปกรรมโดยเชื่อว่าเป็นเสมือนสิ่งสะท้อน ความชั่วร้ายมิให้มาทำร้ายกล้ำกรายได้โดยแต่งแต้มสีสันผ่านใบระกาเป็นไม้สักแกะสลักเป็นรูปพญานาคเชิงชายฉลุลายน้ำหยด ซึ่งล้วนแล้วแต่สื่อสารบ่งบอกเอกลักษณ์แห่งศิลปะไทลื้อ



แหล่งอ้างอิง  http://www.phayao.go.th/au/info/travel.pdf

ข้อมูลทั่วไปของจังหวัดพะเยา


ข้อมูลทั่วไป

จังหวัดพะเยา เป็นจังหวัดในภาคเหนือตอนบน มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ยาวนานไม่น้อยไปกว่า
เมืองอื่นๆ ในอาณาจักรล้านนา บริเวณที่ตั้งของจังหวัดพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรษที่ 16 โดยมีผู้ปกครองคือพ่อขุนงำเมือง ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองพะเยาอยู่ภายใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย 
  • พื้นที่ 6,335.060 ตร.กม. (อันดับที่ 34)
  • ประชากร ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2557 มีประชากรทั้งสิ้น 484,454 คน เป็นชาย 236,671 คน    หญิง 247,783 คน มีจำนวนบ้านทั้งสิ้น 181,374 หลัง ความหนาแน่นโดยเฉลี่ยประมาณ 76.47          คน/ตารางกิโลเมตร จังหวัดพะเยามีประชาชนอาศัยอยู่ตามบริเวณเทือกเขาสูง จำนวน 10 กลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ลีซู จีน มูเซอ  อาข่า เมี่ยน ม้ง ลื้อ ลั๊วะ กะเหรี่ยง และไทยที่สูง โดยกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ เช่น เชียงคำ แม่ใจ เมืองพะเยา ดอกคำใต้ เชียงม่วน ปง และภูซาง มีจำนวนประชากร 29,113 คน 5,488 ครัวเรือน
  • ความหนาแน่น 77.16 คน/ตร.กม. (อันดับที่ 63 )
คำขวัญประจำจังหวัด

กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม

ตราประจำจังหวัด


พระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ พระพุทธรูปคู่เมือง อันเป็นหลักรวมใจของชาวพะเยา
ลายกนกเปลว บนพื้นเบื้องหลังองค์พระพุทธรูป หมายถึง ความรุ่งเรืองของ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ดอกคำใต้ แม่ใจ เชียงคำ เชียงม่วน ปง จุน ภูซาง และภูกามยาว

เบื้องล่างริมของดวงตราเป็นกว๊านพะเยา ซึ่งมีชื่อเสียง เป็นรู้จักกันดี และมี ช่อรวงข้าว ประกอบอยู่ทั้งสองข้าง ซึ่งหมายถึง ลักษณะของความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ 



ธงประจำจังหวัด


สีบานเย็น หมายถึง ภูมิภาคมณฑลพายัพ

สีฟ้า หมายถึง สภาพภูมิอากาศเยือกเย็น และความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อผู้ไปเยี่ยมเยือน

สีเหลือง หมายถึง เป็นดินแดนที่รุ่งเรือง อยู่เย็นเป็นสุขในร่มเงาพระบวรพุทธศาสนา

สีเขียว หมายถึง ความสดชื่นงอกงามแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร


ดอกไม้ประจำจังหวัด



                                                                            ดอกสารภี

ต้นไม้ประจำจังหวัด



ต้นสารภี

การปกครองจังหวัด

จังหวัดพะเยา ประกอบด้วย  อำเภอ 9 อำเภอ คือ เมืองพะเยา แม่ใจ เชียงคำ ดอกคำใต้ ปง จุน  เชียงม่วน
 ภูซาง และภูกามยาว
แบ่งเป็น 68 ตำบล 779 หมู่บ้าน/39 ชุมชน (อยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา จำนวน 13  ชุมชน 

และเทศบาลเมืองดอกคำใต้  26  ชุมชน)
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดพะเยา ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง

 เทศบาลเมือง 2 แห่ง
เทศบาลตำบล 33 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 36 แห่ง 

ตารางแสดงการปกครองของจังหวัดพะเยา

แผนที่จังหวัด

                                                  


สืบค้นข้อมูลของจังหวัดพะเยาได้ที่  http://www.phayao.go.th/



แหล่งอ้างอิง http://www.phayao.go.th/au/generality.php